

ประวัติโดยย่อ เครื่องยิงเลเซอร์นั้น มีเข้ามาในบ้านเรา ตั้งแต่ 20 กว่าปีมาแล้ว โดยยุคแรกๆ เป็นเครื่องจากฝั่งยุโรปเช่น อิตาลี เยอรมัน ตัวเครื่องมีขนาดใหญ่ประมาณ 2-4 เมตร มักนิยมใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม เช่น โรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ไม้ กรอบรูปไม้ โดยสนนราคาจะเริ่มที่ประมาณ 8-9 ล้านบาท ต่อเครื่อง
ต่อมาเมื่อเทคโนโลยีก้าวกระโดด เครื่องยิงเลเซอร์ขนาดอุตสาหกรรม มีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ราคาถูกลง จนปัจจุบัน เหลือเพียงเครื่องละ 3-4 ล้านบาทเท่านั้น แต่ก็ยังคงเป็นราคาที่เหมาะสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมเท่านั้น จึงมีการคิดค้นเทคโนโลยี ให้ตัวเครื่องมีขนาดเล็กลง กระทัดลัด เหมาะสำหรับผู้ประกอบการรายย่อย โดยเป็นเครื่องที่นำเข้ามาจากฝั่งยุโรปเช่นกัน สนนราคาเริ่มต้นที่ 1.5 ล้านบาทขึ้นไป

ปัจจุบันนี้ เครื่องยิงเลเซอร์ได้รุกไปสู่ผู้ประกอบการมากขึ้น เครื่องที่พัฒนานั้น เข้ามาจาก อเมริกา ไต้หวัน และสิงค์โปร์ แต่ราคาก็ยังคงสูงอยู่ จึงมีเครื่องจากจีนเข้ามาจำหน่ายในบ้านเรา ราคาเหลือเพียง หลักแสนต้นๆ ซึ่งดูแล้วน่าจะหามาใช้งานได้ ราคาเหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจ และเหมาะสำหรับผู้ประกอบการที่เริ่มต้นธุรกิจ และผู้ที่ต้องการพัฒนาระบบงานของตนเองให้ทันต่อยุคสมัยที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว (แต่ควรเป็นเครื่องที่ผลิตจากโรงงานที่มีคุณภาพสูง นดับต้นๆของประเทศ)



Laser ย่อมาจาก Light Amplification by Stimulated Emission of Radiation
แสงเลเซอร์ เป็นแสงที่มีคุณสมบัติพิเศษต่างๆ มีทั้งแสงสีแดง สีเขียว สีฟ้า ทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็น โครงสร้างของเลเซอร์ ประกอบด้วย อะตอม ซึ่งเป็นหน่วยย่อยของธาตุหรือสสาร การเปลี่ยนชั้นพลังงานของอะตอมสามารถเกิดขึ้นได้เมื่อมีพลังงานจากภายนอกมากระตุ้น เช่น การกระตุ้นโดยโฟตอนแสง เมื่อผ่านกระบวนการที่เหมาะสม ก็จะเกิดการแปรเปลี่ยนสสารเป็นพลังงาน แสงเลเซอร์
เราสามารถ จำแนกชนิดของเลเซอร์ ได้คร่าวๆดังนี้
Gas Laser = สารตัวกลางเลเซอร์มีลักษณะเป็นก๊าซ เช่น CO2 Laser , Argon Laser , Xenon Laser
Solid State Laser = สารตัวกลางเลเซอร์ที่เป็นแท่งผลึกแข็ง เช่น Nd : YAG Laser
Dye Laser = สารตัวกลางมีลักษณะเป็นของเหลว เช่น Rhodamin 6G Laser
Semiconductor Laser = เป็นเลเซอร์ที่ใช้สารตัวกลางเลเซอร์เป็นสารกึ่งตัวนำ เช่น Diode Laser
ในทีนี้เราคงยกตัวอย่างเพียงบางชนิดที่เกี่ยวข้องกับเราโดยตรงเท่านั้น โดยจะเน้นไปในด้าน เลเซอร์สำหรับอุตสาหกรรม เช่น CO2 , ND เป็นต้น
*** Carbon dioxide Laser (CO2) คาร์บอนไดออกไซด์ เลเซอร์
เป็นเลเซอร์ชนิดก๊าซ ประกอบด้วย ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ก๊าซไนโตรเจน และก๊าซฮีเลียม ในอัตราส่วนประมาณ 1:1:10 แสงเลเซอร์ เกิดจากการหมุนและการสั่นของโมเลกุลของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ปกติจะมีลักษณะเป็นเส้นตรง โดยมีออกซิเจนอยู่สองข้างและคาร์บอนอยู่ตรงกลาง การสั่นของโมเลกุลเป็นการสั่นขึ้นลงหรือเข้าออกของออกซิเจน เมื่อเทียบกับคาร์บอนพลังงานจากการเปลี่ยนระดับพลังงานในการสั่นของโมเลกุลจะมีค่าประมาณ 0.1 อิเล็กตรอนโวลต์ ได้ความยาวคลื่นแสงเลเซอร์ประมาณ 10.6 ไมครอน ซึ่งเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าย่านอินฟราเรด มีความยาวคลื่น ประมาณ 700 นาโนเมตรขึ้นไป ให้พลังงานที่ 20-100 วัตต์ จึงเหมาะสำหรับวัสดุที่มีเนื้ออ่อน เช่น ไม้ พลาสติก ผ้า เป็นต้น
*** Nd YAG Laser นิโอดิเมียมแย็กเลเซอร์
เป็นเลเซอร์ชนิดของแข็ง โดยมี host เป็น ผลึกของ Yttrium-aluminium garnet หรือเรียกย่อ ๆ ว่า YAG ส่วน โดยทั่วไปนีโอดิเมียมแย็กเลเซอร์ มีกำลังเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 3 – 1,000 วัตต์ สามารถให้แสงได้ทั้งแบบพัลส์ และแบบต่อเนื่อง ขึ้นอยู่กับว่า pumping source ที่ใช้เป็นแบบหลอดไฟแฟลช หรือหลอดไฟอาร์คเลเซอร์ชนิดนี้มีความยาวคลื่น 1064 นาโนเมตร อยู่ในย่านอินฟราเรด แต่นิยมใช้ควบคู่กับ second harmonic crystal เช่น KTP ทำให้ได้ความยาวคลื่น 532 นาโนเมตร เป็นแสงสีเขียวออกมาได้ เลเซอร์ชนิดนี้สามารถทำให้เกิดค่ากำลังสูดสุดถึง 2,000 วัตต์ จึงทำให้ระบบเลเซอร์นี้ ซึ่งมีขนาดเล็ก สามารถนำไปทำการเจาะ ตัด หรือแกะสลักวัสดุที่มีความแข็งจำพวกโลหะ หรือวัสดุเช่นแก้ว เซรามิก ได้เป็นอย่างดี
ความยาวคลื่นที่ตาของมนุษย์เราสามารถเห็นแสงได้เฉพาะช่วง 400 - 700 นาโนเมตร ดังนั้น หากแสงเลเซอร์ใดที่มีค่ามากกว่า 700 นาโนเมตร ก็จะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า จึงต้องให้ความรู้แก่ผู้ใช้เครื่องเพื่อบ่งชี้ว่า อาจสัมผัสกับแสงได้ ถ้าไม่ระมัดระวัง จึงควรปิดฝาเครื่องระหว่างการทำงานทุกครั้ง
การคำนวณอัตราต้นทุนดังนี้
|
- ค่าเสื่อมเครื่อง / 5 ปี = ต้นทุนเครื่องจักร หาร 5 ปี = ชั่วโมงละ 9.13 บาท
|
- ค่าวัสดุสิ้นเปลือง co2 / อัตราเฉลี่ย 3,000 ชั่วโมง = ต้นทุนวัสดุสิ้นเปลือง ( 20,000 บาท / 3,000ชั่วโมง = ชั่วโมงละ 6.67 บาท)
|
- ค่าหลอดภาพ(หัวเลเซอร์) / อัตราการเสื่อม 5,000 ชั่วโมง = ต้นทุนค่าสึกหลอ ( 5,000 บาท / 10,000 ชั่วโมง = ชั่วโมงละ 0.50 บาท)
|
- ค่าไฟฟ้า คิดจากอัตรากินไฟ 1,200W Power Gloss = ต้นทุนผันแปร การคำนวณขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ระดับมิเตอร์ การใช้ไฟฟ้ารวม (ประมาณชั่วโมงละ 5.00 บาท)
|
- ค่าแรงงาน คิดจากทำงาน 1 วัน 8 ชั่วโมง / ค่าแรงขั้นต่ำ = 0.14 บาท
|
- ค่าแมนแทนแน้นท์ อัตรา = 0 (การรับประกัน 1 ปีแรก)
|
- ค่าอาร์ทเวิร์ค / ค่าอื่นๆ = ต้นทุนผันแปร
|
เพราะฉะนั้น ถัวเฉลี่ย ต่อชั่วโมง = 9.13 + 6.67 + 0.5 + 5 = 21.30 บาท / ชั่วโมง หรือ นาทีละ 0.36 บาท ( อัตราเครื่องฝั่งยุโรป นาทีละ 10 -15 บาท ) |


เครื่องของแมสนั้น ไม่ว่าจะเป็น เลเซอร์ ซีเอ็นซี ไวร์คัท อีดีเอ็ม อิงค์เจ็ท ล้วนแล้วแต่เป็นการร่วมทุน หรือได้รับการแต่งตั้ง จากบริษัทยักษ์ใหญ่ในต่างประเทศ (ไม่ใช่เครื่องหิ้ว) ดังจะเห็นได้จาก เราเป็นตัวแทนจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศของแบรนด์นั้นๆ มีวิศวกรต่างชาติประจำที่เรา มีเครื่องให้เลือกหลายหลายรุ่น ครอบคลุมทั้งระบบ จึงหมดกังวลเรื่องคุณภาพ และการดูแลรับประกัน